การบรรเทาและป้องการริดสีดวงทวาร
โรคริดสีดวงทวาร ถือว่าเป็นโรคที่คนไทยเป็นกันมากอีกโรคหนึ่ง ซึ่งบางคนอาจจะไม่รุนแรงมากนัก แต่บางรายก็รุนแรงมากจนทำให้ใช้ชีวิตประจำวันด้วยความยากลำบาก
โดยโรคริดสีดวงทวาร คือ อาการที่หลอดเลือดดำบริเวณปลายลำไส้ใหญ่ หรือที่ขอบทวารโป่งพองหรือยื่นออกมา
ซึ่งโรคริดสีดวงทวาร จะแบ่งออกเป็น 2 ชนิด ได้แก่
ริดสีดวงทวารภายใน – จุดที่เกิดริดสีดวงชนิดนี้ จะอยู่เหนือบริเวณทวารหนัก จะไม่ยื่นออกมาภายนอก เนื่องจากมีเนื้อเยื่อลำไส้ใหญ่ได้คลุมเอาไว้ ซึ่งจะไม่ทำให้เกิดการเจ็บปวด หากไม่เกิดการอักเสบจากการขับถ่ายที่รุ่นแรง
ริดสีดวงทวารภายนอก – จุดที่เกิดริดสีดวงชนิดนี้ จะอยู่จรงบริเวณปากรอยย่นของทวารหนัก ส่วนที่โป่งพองจะยื่นออกมาก ทำให้สามารถมองเห็น และอาจทำให้เกิดการอักเสบได้ง่าย
สาเหตุของโรคริดสีดวงทวาร
- การท้องผูก ขับถ่ายลำบาก
- การยืนหรือนั่งนานๆ โดยเฉพาะการที่ต้องนั่งเกร็งส่วนก้น
- การเบ่งอุจจาระรุนแรง
- การตั้งครรภ์
- โรคอ้วน น้ำหนักเกิน
- โรคอืนๆ เช่น โรคตับแข็ง, มะเร็งลำไส้ใหญ่, ต่อมลูกหมากโต เป็นต้น
อาการของโรคริดสีดวงทวาร
อาการของโรคริดสีดวง แบ่งออกเป็น 4 ระยะ ดังนี้
ระยะที่ 1 – เมื่อมีการขับถ่ายจะมีเลือดไหลออกมาด้วย โดยเฉพาะตอนที่ท้องผูก
ระยะที่ 2 – หัวของริดสีดวงขจะเริ่มใหญ่ขึ้น จะเห็นหัวริดสีดวงออกมาในขณะที่ขับถ่าย แต่สามารถหุบกลับเข้าไปเองได้
ระยะที่ 3 – เมื่อมีการขับถ่าย ไอ จาม เกร็งท้องหัวริดสีดวงจะโปล่ออกมา และไม่สามารถหุบกลับเข้าไปเองได้ ต้องใช้นิ้วกดเพื่อให้กลับเข้าไป
ระยะที่ 4 – หัวของริดสีดวงจะโผล่ออกมาด้านนอก มีการบวมและอักเสบ และมีเหลือดไหลมาก ทำให้เกิดการอับชื้นจนเกิดเป็นแผลและมีโอกาสติดเชื้อได้ง่าย
การรักษาริดสีดวงทวาร
การักษาโรคริดสีดวงทวาร จะรักษาตามระยะของโรค ดังนี้
โรคริดสีดวงทวาร ระยะที่ 1 – จะทานยาลดการบวมของหลอดเลือด ใช้ยาเหน็บริดสีดวงเพื่อลดการอักเสบ แช่ก้นในน้ำอุ่นเพื่อลดการเก็บปวด และคอยระวังไม่ให้เกิดการท้องผูก เพื่อป้องกันการอักเสบเกิดขึ้น
โรคริดสีดวงทวาร ระยะที่ 2 – อาจจะใช้วิธีเดียวกับในระยะที่ 1 แต่หากไม่หายอาจจะใช้ยางรัดหรือฉีดยาที่หัวของริดสีดวงทวาร เพื่อให้หัวฝ่อและหลุดไป
โรคริดสีดวงทวาร ระยะที่ 3 และ ระยะที่ 4 – จะต้องทำกรผ่าตัดเพื่อนำส่วนที่โป่งพองของหลอดเลือดดำออก
การป้องกันริดสีดวงทวารด้วยโปรไบโอติก
หนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้คนทั่วไปเป็นโรคริดสีดวงทวารก็คือ การที่ท้องผูกและเบ่งอุจจาระออกมา ทำให้หลอดเลือดดำเกิดการโป่งพองได้ตลอดเวลา
อีกทั้งเมื่อเป็นโรคริดสีดวงทวารแล้ว หากปล่อยให้เกิดการท้องผูกอยู่เสมอก็จะกระทบต่ออาการของริดสีดวง ทำให้เกิดการอักเสบและมีหัวริดสีดวงที่ใหญ่ขึ้น ทำให้ลุกลามไปสู่ระยะที่ 3 และ ระยะที่ 4 ได้เร็วขึ้น ซึ่งต้องรักษาด้วยการผ่าตัดเป็นส่วนใหญ่
ดังนั้นเราจึงควรลดการท้องผูกไม่ให้เกิดขึ้น ซึ่งการทานโปรไบโอติก พบว่าช่วยในการปรับสมดุลการขับถ่ายให้เป็นปกติได้ ทำให้ท้องไม่ผูก อุจจาระนิ่ม ขับถ่ายง่าย ไม่ต้องออกแรงเบ่ง
หากตัดปัญหาท้องผูกออกไปได้ โอกาสที่จะเป็นริดสีดวงทวารก็จะน้อยลง รวมทั้งความรุนแรงของริดสีดวงทวารก็จะไม่เพิ่มขึ้นรวดเร็วอีกด้วย จึงสรุปได้ว่าการทานโปรไบโอติกสามารถช่วยในการป้องกันและบรรเทาอาการของโรคริดสีดวงทวารได้อีกทางหนึ่ง